ข้อมูลเมื่อ: 01.10.2558

ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป

เวอร์ชัน: 4 พฤศจิกายน 2554

ข้อกำหนดและเงื่อนไขของธุรกิจ Hansgrohe Limited
ผู้ซื้อให้ความสนใจกับข้อกำหนดในเงื่อนไขข้อที่ 10 และ 11 เป็นพิเศษ

1. การตีความ

1.1 คำจำกัดความและกฎในการตีความเงื่อนไขนี้จะใช้กับเงื่อนไขเหล่านี้
ผู้ซื้อ: บุคคล บริษัท หรือองค์กรที่ซื้อสินค้าจากบริษัท
บริษัท: Hansgrohe Limited
สัญญา: สัญญาระหว่างบริษัทกับผู้ซื้อในการซื้อขาย
สินค้า โดยมีเงื่อนไขเหล่านี้รวมอยู่ด้วย
จุดนำส่ง: สถานที่ที่จะมีการนำส่งสินค้าภายใต้เงื่อนไขข้อที่ 5
สินค้า: สินค้าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาว่าบริษัทจะส่งให้กับผู้ซื้อ (โดยรวมถึงส่วนใดส่วนหนึ่งหรือส่วนต่าง ๆ ของสินค้า)

1.2 การอ้างอิงถึงกฎหมายที่เฉพาะเจาะจงคือการอ้างอิงถึงกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในช่วงเวลานั้น ๆ โดยคำนึงถึงการแก้ไข การเพิ่มเติม การนำไปใช้ หรือการบังคับใช้อีกครั้ง และหมายรวมถึงกฎหมายรองภายใต้กฎหมายดังกล่าวที่มีผลบังคับใช้ในช่วงเวลานั้น ๆ

1.3 คำที่อยู่ในรูปเอกพจน์ให้หมายรวมถึงรูปพหูพจน์ด้วย ส่วนคำในรูปพหูพจน์ก็ให้หมายรวมถึงรูปเอกพจน์ด้วย

1.4 การอ้างอิงถึงเพศเดียวให้หมายรวมถึงการอ้างอิงถึงเพศอื่นด้วย

1.5 หัวข้อของเงื่อนไขไม่ได้ส่งผลต่อการตีความเงื่อนไขเหล่านี้

2. การนำข้อบังคับไปใช้

2.1 สัญญาจะเป็นไปตามเงื่อนไขเหล่านี้โดยยกเว้นข้อกำหนดและเงื่อนไขอื่น ๆ ทั้งหมด (ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่ผู้ซื้อตั้งใจจะใช้ภายใต้คำสั่งซื้อ การยืนยันคำสั่งซื้อ ข้อมูลจำเพาะ หรือเอกสารอื่น ๆ) โดยเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงภายใต้เงื่อนไขที่ 2.3

2.2 ข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่ได้รับการสนับสนุนใน มาพร้อม หรือมีอยู่ในคำสั่งซื้อ การยืนยันคำสั่งซื้อ ข้อมูลจำเพาะ หรือเอกสารอื่น ๆ ของผู้ซื้อไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเพียงเพราะเอกสารดังกล่าวมีการอ้างอิงถึงในสัญญา

2.3 เงื่อนไขเหล่านี้ใช้กับการขายของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเหล่านี้ทุกรูปแบบ และการนำเสนอเกี่ยวกับสินค้าจะไม่มีผล เว้นแต่บริษัทจะตกลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดแจ้ง ผู้ซื้อรับทราบว่าบริษัทไม่ได้ยึดถือตามถ้อยแถลง คำมั่นสัญญา หรือการนำเสนอใด ๆ ที่จัดทำหรือให้ไว้หรือในนามของบริษัทที่ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา เงื่อนไขนี้จะไม่ยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของบริษัทในกรณีที่มีการนำเสนอในลักษณะที่เป็นการฉ้อโกง

2.4 คำสั่งซื้อหรือการที่ผู้ซื้อยอมรับการเสนอราคาสินค้าจากบริษัทแต่ละรายการถือเป็นข้อเสนอจากผู้ซื้อในการซื้อสินค้าตามเงื่อนไขเหล่านี้

3. ข้อสรุปของสัญญา

3.1 ให้ถือว่าบริษัทยังไม่ได้ยอมรับคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อจนกว่าบริษัทจะออกหนังสือตอบรับคำสั่งซื้ออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรหรือบริษัทส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ (หากเกิดขึ้นก่อน)

3.2 ผู้ซื้อจะรับรองว่าข้อกำหนดของคำสั่งซื้อและข้อมูลจำเพาะที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ มีความสมบูรณ์ถูกต้อง

3.3 การเสนอราคาใด ๆ จะให้ไว้โดยอยู่บนพื้นฐานที่ว่าสัญญาจะไม่มีผลจนกว่าบริษัทจะส่งหนังสือตอบรับคำสั่งซื้อถึงผู้ซื้อ คำสั่งซื้อต่าง ๆ จะใช้ได้เป็นเวลาสามสิบวันนับจากวันที่ในคำสั่งซื้อนั้น ๆ ในกรณีที่บริษัทยังไม่ได้เพิกถอนคำสั่งซื้อดังกล่าว

4. คำอธิบาย

4.1 จำนวนและคำอธิบายสินค้าจะได้รับการกำหนดอยู่ในการเสนอราคาหรือหนังสือตอบรับคำสั่งซื้อจากบริษัท

4.2 ตัวอย่าง ภาพวาด เนื้อหาอธิบาย ข้อมูลจำเพาะ และการโฆษณาทั้งหมดที่ออกโดยบริษัทและคำอธิบายหรือภาพประกอบทั้งหมดที่มีอยู่ในแคตตาล็อกหรือโบรชัวร์ของบริษัทมีการออกให้หรือเผยแพร่เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับสินค้าที่อธิบายอยู่ในแคตตาล็อกหรือโบรชัวร์ดังกล่าวเท่านั้น โดยจะไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาและไม่ถือเป็นการขายตามตัวอย่าง

5. การนำส่ง

5.1 การนำส่งสินค้าจะเกิดขึ้น ณ สถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัท เว้นแต่บริษัทจะตกลงเป็นอย่างอื่นเป็นลายลักษณ์อักษร

5.2 ผู้ซื้อจะได้รับสินค้าภายในสามสิบวันนับจากที่บริษัทแจ้งให้ทราบว่าพร้อมนำส่งสินค้าแล้ว

5.3 วันที่ใด ๆ ที่บริษัทระบุไว้สำหรับการนำส่งสินค้านั้นมีไว้เพื่อเป็นข้อมูลโดยคร่าว และเวลานำส่งจะไม่ถือเป็นสาระสำคัญในหนังสือแจ้ง ทั้งนี้ หากไม่มีการระบุวันที่เอาไว้ การนำส่งจะอยู่ภายในช่วงเวลาที่เหมาะสม

5.4 บริษัทจะไม่รับผิดต่อการสูญเสียทางตรง ทางอ้อม หรือที่เกิดขึ้นตามมา (ทั้งสามอย่างนี้ที่ข้อกำหนดหมายรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความเสียหายทางเศรษฐกิจทางกายภาพ การสูญเสียกำไร การสูญเสียธุรกิจ การหมดสิ้นค่าความนิยม และการสูญเสียที่คล้ายคลึงกัน) ต้นทุน ความเสียหาย ค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอันเกิดขึ้นไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมจากการนำส่งสินค้าล่าช้า (แม้ว่าจะเกิดจากความประมาทเลินเล่อของบริษัทก็ตาม) และความล่าช้าต่าง ๆ ก็ไม่ได้ส่งผลให้ผู้ซื้อมีสิทธิ์ยุติหรือยกเลิกสัญญา เว้นแต่ความล่าช้าดังกล่าวเกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ทั้งนี้ให้เป็นไปตามข้อกำหนดอื่น ๆ ของเงื่อนไขเหล่านี้

5.5 หากผู้ซื้อไม่สามารถรับการนำส่งสินค้าได้เมื่อสินค้าพร้อมนำส่งแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หรือบริษัทไม่สามารถนำส่งสินค้าได้ตรงเวลาเนื่องจากผู้ซื้อไม่ได้ให้คำแนะนำ เอกสาร ใบอนุญาต หรือการอนุญาตไว้อย่างเหมาะสม:
ก) ความเสี่ยงในตัวสินค้าจะตกไปอยู่กับผู้ซื้อ (ซึ่งรวมถึงความสูญเสียหรือความเสียหายอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของบริษัท)
ข) จะถือว่าสินค้าได้รับการนำส่งแล้ว และ
ค) บริษัทอาจจัดเก็บสินค้าไว้ได้จนกว่าจะนำส่ง ซึ่งในกรณีนี้ผู้ซื้อจะต้องรับผิดต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการจัดเก็บและการรับประกัน)

5.6 ผู้ซื้อจะเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ที่เพียงพอและเหมาะสม รวมถึงกำลังคนในการบรรทุกสินค้า ณ จุดนำส่งและต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง

5.7 หากบริษัทนำส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อเกินหรือขาดจากจำนวนที่บริษัทยอมรับไว้ไม่เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ผู้ซื้อจะไม่มีสิทธิ์คัดค้านหรือปฏิเสธสินค้าหรือสินค้าส่วนหนึ่งส่วนใดด้วยเหตุผลว่ามีสินค้าเกินหรือขาดไป และผู้ซื้อจะชำระเงินค่าสินค้านั้น ๆ ในอัตราสัญญาตามสัดส่วน

5.8 บริษัทอาจนำส่งสินค้าแยกเป็นรอบ ๆ โดยแต่ละรอบที่แยกกันนี้จะมีการออกใบแจ้งหนี้และได้รับการชำระเงินตามข้อกำหนดในสัญญา

5.9 แต่ละรอบจะมีสัญญาแยกกัน และการยกเลิกหรือยุติสัญญาอันหนึ่งอันใดที่เกี่ยวข้องกับรอบหนึ่ง ๆ จะไม่ส่งผลให้ผู้ซื้อมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือยกเลิกสัญญาหรือรอบอื่นใด

6. การไม่นำส่ง

6.1 จำนวนการนำส่งสินค้าตามที่บริษัทบันทึกไว้ขณะส่งออกจากสถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทจะเป็นหลักฐานชัดแจ้งสำหรับจำนวนที่ผู้ซื้อได้รับขณะนำส่ง เว้นแต่ผู้ซื้อจะสามารถให้หลักฐานชัดแจ้งที่พิสูจน์ได้ว่าข้อมูลขัดแย้งกัน

6.2 บริษัทจะไม่รับผิดต่อการไม่นำส่งสินค้าใด ๆ (แม้ว่าจะเกิดจากความประมาทเลินเล่อของบริษัทก็ตาม) เว้นแต่ผู้ซื้อจะแจ้งเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษรต่อบริษัทว่าไม่มีการนำส่งภายในเจ็ดวันนับจากวันที่น่าจะได้รับสินค้าแล้วหากเป็นไปตามปกติ

6.3 ความรับผิดใด ๆ ที่บริษัทมีต่อการไม่นำส่งสินค้าจะจำกัดเพียงการเปลี่ยนสินค้าให้ภายในระยะเวลาตามสมควร หรือการออกใบลดหนี้ที่อัตราสัญญาตามสัดส่วนโดยเทียบกับใบแจ้งหนี้ที่จัดทำขึ้นสำหรับสินค้านั้น ๆ

7. ความเสี่ยง/ความเป็นเจ้าของ

7.1 สินค้าจะเป็นความเสี่ยงของผู้ซื้อนับตั้งแต่ที่นำส่งตามเงื่อนไขที่ 5.1 ข้างต้น

7.2 ความเป็นเจ้าของสินค้าจะไม่ตกอยู่กับผู้ซื้อจนกว่าบริษัทจะได้รับเงินครบเต็มจำนวน (ในรูปแบบเงินสดหรือเงินโอนผ่านบัญชี) สำหรับสินค้านั้น ๆ โดยคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
ก) สินค้า และ
ข) ยอดเงินอื่น ๆ ทั้งหมดที่ผู้ซื้อจะต้องชำระหรือมีหน้าที่ชำระให้แก่บริษัทไม่ว่าจะในกรณีใด

7.3 ผู้ซื้อจะต้องดำเนินการดังนี้จนกว่าความเป็นเจ้าของสินค้าจะตกเป็นของผู้ซื้อ
ก) ดูแลสินค้าในฐานะผู้ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รับมอบการครอบครองทรัพย์ของบริษัท
ข) จัดเก็บสินค้า (โดยบริษัทไม่ต้องออกค่าใช้จ่าย) แยกจากสินค้าอื่น ๆ ทั้งหมดของผู้ซื้อหรือบุคคลที่สาม ในลักษณะที่สามารถระบุได้ทันทีว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัท
ค) ไม่ทำลาย ทำให้ผิดรูป หรือปกปิดเครื่องหมายระบุหรือบรรจุภัณฑ์ที่ปรากฏบนหรือเกี่ยวข้องกับสินค้า และ
ง) รักษาสินค้าให้อยู่ในสภาพที่น่าพึงพอใจ และทำประกันสินค้า (โดยผู้ซื้อเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย) แบบครอบคลุมราคาเต็มจำนวนสำหรับทุกความเสี่ยงต่อความพึงพอใจตามสมควรของบริษัท การรับประกันดังกล่าวจะกำหนดให้บริษัทเป็นผู้เอาประกัน ผู้ซื้อจะมอบนโยบายการรับประกันให้กับบริษัทเมื่อมีการร้องขอ

7.4 ผู้ซื้ออาจขายต่อสินค้าได้ก่อนที่จะได้รับสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเฉพาะในเงื่อนไขต่อไปนี้
ก) การขายใด ๆ จะเกิดขึ้นตามการประกอบธุรกิจตามปกติของผู้ขายในมูลค่าเต็มจำนวนตามท้องตลาด และ
ข) การขายใด ๆ จะเป็นการขายทรัพย์สินของบริษัทในนามของตัวผู้ซื้อเอง และผู้ซื้อจะดำเนินการในฐานะตัวการเมื่อทำการขายดังกล่าว

7.5 สิทธิ์ในการครอบครองสินค้าของผู้ขายจะสิ้นสุดลงทันทีในกรณีต่อไปนี้
ก) ผู้ขายได้รับคำสั่งล้มละลายหรือจัดการเพื่อประนอมหนี้หรือทำข้อตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ หรือใช้ประโยชน์จากบทบัญญัติตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ ณ ขณะนั้น เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือ (ในกรณีของนิติบุคคล) จัดการประชุมกับเจ้าหนี้ (ไม่ว่าจะทางการหรือไม่เป็นทางการ) หรือเข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี (ไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือบังคับ) ยกเว้นการชำระบัญชีโดยสมัครใจในกรณีที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวเพื่อวัตถุประสงค์ในการโอนสินทรัพย์ไปบริษัทใหม่หรือการควบบริษัทเท่านั้น หรือมีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (Receiver) และ/หรือผู้จัดการ (Manager) ผู้บริหารจัดการ (Administrator) หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แบบ Administrative Receiver ที่ได้รับการแต่งตั้งจากการดำเนินการดังกล่าวหรือส่วนหนึ่งของการดำเนินการนั้น หรือมีการยื่นเอกสารต่อศาลเพื่อแต่งตั้งผู้บริหารจัดการ (Administrator) ของผู้ซื้อ หรือผู้ซื้อหรือกรรมการบริษัทของผู้ซื้อหรือผู้ถือหลักประกันแบบ Floating Charge ที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ส่งหนังสือแจ้งถึงเจตนาที่จะแต่งตั้งผู้บริหารจัดการ (Administrator) (ตามที่กำหนดไว้ในวรรคที่สิบสี่ของ Schedule B1 ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986)) หรือมีการผ่านมติหรือมีการยื่นคำร้องต่อศาลให้ผู้ซื้อชำระบัญชีหรือให้มอบคำสั่งบริหารจัดการทรัพย์สินสำหรับผู้ซื้อ หรือมีการเริ่มกระบวนการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือโอกาสที่จะมีหนี้สินล้นพ้นตัวของผู้ซื้อ หรือ
ข) ผู้ซื้อถูกยึดทรัพย์หรืออนุญาตให้มีการยึดทรัพย์จากทรัพย์สินของตนหรือเรียกเก็บจากตน ไม่ว่าจะเป็นแบบตามกฎหมายหรือเป็นธรรม หรือไม่สามารถทำตามหรือปฏิบัติตามภาระหน้าที่ใด ๆ ของตนตามสัญญาหรือสัญญาระหว่างบริษัทกับผู้ซื้อได้ หรือไม่สามารถชำระหนี้ตามความหมายของมาตรา 123 ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) หรือผู้ซื้อยุติการซื้อขาย หรือ
ค) ผู้ซื้อนำสินค้าใด ๆ มาเป็นภาระติดพัน หรือนำมาเป็นหลักประกันในลักษณะใด ๆ

7.6 บริษัทมีสิทธิ์เรียกคืนเงินค่าสินค้าได้ แม้ว่าความเป็นเจ้าของสินค้าใด ๆ จะยังไม่ได้พ้นจากบริษัทไปก็ตาม

7.7 ผู้ซื้อให้สิทธิ์อนุญาตแบบตลอดเวลาที่ไม่อาจเพิกถอนได้แก่บริษัท รวมถึงตัวแทนและพนักงานของบริษัท ในการเข้าไปยังสถานที่ใด ๆ ซึ่งมีการจัดเก็บหรืออาจมีการจัดเก็บสินค้าเพื่อดำเนินการตรวจสอบ หรือเก็บคืนสินค้าในกรณีที่ผู้ซื้อหมดสิทธิ์ในการครอบครอง

7.8 ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถระบุได้ว่าสินค้าใดบ้างเป็นสินค้าที่ผู้ซื้อหมดสิทธิ์ในการครอบครองแล้ว ให้ถือว่าผู้ซื้อได้ขายสินค้าทั้งหมดตามประเภทที่บริษัทได้ขายให้กับผู้ซื้อในคำสั่งซื้อที่มีการออกใบแจ้งหนี้ให้กับผู้ซื้อแล้ว

7.9 เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด สิทธิ์ของบริษัท (ไม่ใช่สิทธิ์ของผู้ซื้อ) ที่มีอยู่ตามเงื่อนไขนี้จะยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

8. ราคา

8.1 ราคาสินค้าจะเป็นราคาที่กำหนดไว้ในรายการราคาของบริษัทที่เผยแพร่ ณ วันที่นำส่งหรือถือว่ามีการนำส่ง เว้นแต่บริษัทจะตกลงไว้เป็นอย่างอื่นเป็นลายลักษณ์อักษร

8.2 ราคาทั้งหมดมีการเสนอเป็นสกุลเงินสเตอร์ลิง (GBP) และราคาสินค้าจะไม่รวมภาษีsมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด และค่าใช้จ่ายหรือค่าบริการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ การบรรทุก การนำลง การขนส่ง และการรับประกัน ทั้งหมดนี้คือจำนวนเงินที่ผู้ซื้อจะต้องชำระเพิ่มเติมเมื่อครบกำหนดชำระเงินค่าสินค้า เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น

8.3 บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการขึ้นราคาสินค้าตามสมควร หากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมาที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อตกลงเกี่ยวกับพิกัดอัตราศุลกากร ราคาต้นทุนในตลาด หรือการขึ้นค่าใช้จ่ายของวัสดุหลังจากได้ข้อสรุปของสัญญาแล้ว โดยจะมีการมอบหลักฐานการขึ้นราคาสินค้าต่าง ๆ ให้กับผู้ซื้อเมื่อมีการร้องขอ

9. การชำระเงิน

9.1 การชำระเงินค่าสินค้าจะอยู่ในรูปสกุลเงินสเตอร์ลิงหลังจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ไปแล้วสามสิบวัน ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ 9.4

9.2 เวลาในการชำระเงินจะเป็นสาระสำคัญ

9.3 ให้ถือว่ายังไม่ได้รับการชำระเงินใด ๆ จนกว่าบริษัทจะได้รับเงินโอนผ่านบัญชีแล้ว

9.4 การชำระเงินทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทตามสัญญาจะครบกำหนดชำระทันทีที่สัญญาสิ้นสุดลง แม้ว่าจะมีข้อกำหนดอื่นใด

9.5 ผู้ซื้อจะดำเนินการชำระเงินทั้งหมดที่ครบกำหนดตามสัญญาแบบเต็มจำนวนโดยไม่มีการหักเงินใด ๆ ไม่ว่าจะผ่านการหักกลบลบหนี้ การฟ้องแย้ง ส่วนลด การลดหย่อน หรือลักษณะอื่นใด เว้นแต่ผู้ซื้อจะมีคำสั่งศาลที่มีผลใช้ได้ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องชำระจำนวนเงินเท่ากับส่วนหักลดดังกล่าวแก่ผู้ซื้อ

9.6 หากผู้ซื้อไม่ชำระเงินที่ครบกำหนดชำระตามสัญญาแก่บริษัท ผู้ซื้อจะต้องรับผิดในการจ่ายดอกเบี้ยของจำนวนเงินดังกล่าวให้กับบริษัทนับจากวันที่ครบกำหนดชำระเงิน โดยคิดตามอัตรารายปีที่สี่เปอร์เซ็นต์จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำเป็นครั้งคราวจากธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ โดยรวมยอดเป็นรายวันจนกว่าจะมีการชำระเงินไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการตัดสิน ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกรับดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติการชำระหนี้ล่าช้าในทางการค้าเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998)

10. คุณภาพ

10.1 ในกรณีที่บริษัทไม่ใช่ผู้ผลิตสินค้า บริษัทจะพยายามโอนมอบสิทธิประโยชน์จากการประกันหรือการรับประกันที่บริษัทได้รับให้แก่ผู้ซื้อ

10.2 บริษัทรับประกันว่าเมื่อนำส่ง สินค้าจะมีคุณภาพเป็นที่พึงพอใจตามความหมายที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติซื้อขาย พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) (โดยเป็นไปตามข้อกำหนดอื่น ๆ ของเงื่อนไขเหล่านี้)

10.3 บริษัทจะไม่รับผิดต่อการละเมิดการรับประกันในเงื่อนไขที่ 10.2 เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้
ก) ผู้ซื้อส่งหนังสือแจ้งข้อบกพร่องอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรต่อบริษัท และหากข้อบกพร่องนั้นเกิดจากความเสียหายระหว่างการส่งให้กับผู้ให้บริการขนส่ง ภายในสองวันนับตั้งแต่เวลาที่ผู้ซื้อพบข้อบกพร่องนั้นหรือควรจะพบข้อบกพร่องนั้น และ
ข) บริษัทได้รับโอกาสตามสมควรหลังจากได้รับหนังสือแจ้งให้ตรวจสอบสินค้าดังกล่าว และผู้ซื้อ (หากบริษัทขอให้ดำเนินการดังกล่าว) ส่งคืนสินค้าดังกล่าวมายังสถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทเพื่อดำเนินการตรวจสอบ

10.4 บริษัทจะไม่รับผิดต่อการละเมิดการรับประกันในเงื่อนไขที่ 10.2 ในกรณีดังต่อไปนี้
ก) ผู้ซื้อใช้ประโยชน์เพิ่มเติมใด ๆ จากสินค้าดังกล่าวหลังจากส่งจดหมายแจ้งนั้น หรือ
ข) ข้อบกพร่องเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำด้วยวาจาหรือคำแนะนำแบบลายลักษณ์อักษรว่าด้วยการจัดเก็บ การติดตั้ง การทดลองเดินเครื่อง การใช้ หรือการบำรุงรักษาสินค้า หรือ (หากไม่มี) หลักปฏิบัติที่ดีในการค้า หรือ
ค) ผู้ซื้อปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมสินค้าดังกล่าวโดยไม่ได้รับคำยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท

10.5 หากสินค้าใด ๆ ไม่เป็นไปตามการรับประกันในเงื่อนไขที่ 10.2 บริษัทจะเลือกได้ว่าจะซ่อมแซมหรือเปลี่ยนสินค้าดังกล่าว (หรือส่วนที่บกพร่อง) หรือคืนเงินตามราคาของสินค้าดังกล่าวในอัตราสัญญาตามสัดส่วน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าหากบริษัทร้องขอ ผู้ซื้อจะส่งคืนสินค้าหรือชิ้นส่วนของสินค้าดังกล่าวที่บกพร่องให้กับบริษัท ทั้งนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ 10.3 และเงื่อนไขที่ 10.4

10.6 หากบริษัทปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ 10.5 บริษัทก็จะไม่ต้องรับผิดเพิ่มเติมต่อการละเมิดการรับประกันในเงื่อนไขที่ 10.2 สำหรับสินค้าดังกล่าว

10.7 สินค้าทั้งหมดที่ได้รับการเปลี่ยนจะเป็นของบริษัท และช่วงเวลารับประกันของสินค้าที่ได้รับการซ่อมหรือเปลี่ยนก็จะเท่ากับช่วงเวลาที่ยังไม่หมดอายุของช่วงเวลารับประกันเดิม

10.8 แม้ว่าจะมีข้อกำหนดข้างต้นของเงื่อนไขที่ 10 นี้ บริษัทให้สิทธิ์แก่ผู้ซื้อในการส่งสินค้าที่ไม่ได้ละเมิดการรับประกันที่อธิบายไว้ในเงื่อนไขที่ 10 นี้คืนให้แก่บริษัท ในกรณีที่และจำกัดโดยเคร่งครัดเฉพาะกรณีที่ผู้ซื้อยึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายการคืนสินค้าของบริษัทสำหรับสินค้าดังกล่าว ซึ่งสามารถดูได้ที่ http://pro.hansgrohe.co.uk

11. การจำกัดความรับผิด

11.1 ข้อกำหนดต่อไปนี้จะกำหนดความรับผิดทางการเงินทั้งหมดของบริษัท (ซึ่งรวมถึงความรับผิดใด ๆ สำหรับการกระทำหรือการละเว้นการกระทำของพนักงาน ตัวแทน และผู้รับจ้างช่วงของบริษัท) ที่มีต่อผู้ซื้อในเรื่องดังต่อไปนี้ โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่ 5, เงื่อนไขที่ 6 และเงื่อนไขที่ 10
ก) การละเมิดต่อเงื่อนไขเหล่านี้
ข) การที่ผู้ซื้อใช้หรือขายต่อสินค้าใด ๆ ดังกล่าว หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นสินค้าใด ๆ และ
ค) การนำเสนอ คำกล่าว หรือการกระทำหรือการละเว้นที่เป็นการละเมิด ซึ่งรวมถึงความประมาทเลินเล่ออันเกิดขึ้นภายใต้หรือเชื่อมโยงกับสัญญา

11.2 การรับประกัน เงื่อนไข และข้อกำหนดอื่น ๆ ทั้งหมดที่ตัวบทกฎหมายหรือกฎหมายจารีตประเพณีระบุไว้เป็นนัย (ยกเว้นเงื่อนไขที่มาตรา 12 ของพระราชบัญญัติซื้อขาย พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ระบุไว้เป็นนัย) จะไม่รวมอยู่ในสัญญาตามขอบเขตสูงสุดที่ทำได้ตามกฎหมาย

11.3 ไม่มีส่วนใดในเงื่อนไขเหล่านี้ที่ยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของบริษัท
ก) ต่อการเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บต่อบุคคลอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของบริษัท หรือ
ข) ตามมาตราที่ 2(3) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) หรือ
ค) ต่อเรื่องใด ๆ ที่กฎหมายไม่อนุญาตให้บริษัทยกเว้นหรือพยายามยกเว้นความรับผิดของตน หรือ
ง) ต่อการฉ้อโกงหรือการนำเสนอในลักษณะที่เป็นการฉ้อโกง

11.4 ตามเงื่อนไขที่ 11.2 และเงื่อนไขที่ 11.3
ก) ความรับผิดทั้งหมดของบริษัทในสัญญา การละเมิด (ซึ่งรวมถึงความประมาทเลินเล่อหรือการละเมิดหน้าที่ตามบทกฎหมาย)
การนำเสนอที่ไม่ถูกต้อง การชดใช้คืน หรือลักษณะอื่นใดที่เกิดขึ้นโดยเชื่อมโยงกับการปฏิบัติตามสัญญาหรือการเจตนาปฏิบัติตามสัญญาจะจำกัดอยู่เท่าราคาของสัญญาในกรณีที่สามารถเชื่อมโยงความรับผิดดังกล่าวกับสัญญาที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างชัดเจน และราคาสัญญาเฉลี่ยรายเดือนในกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ และ
ข) บริษัทจะไม่รับผิดต่อผู้ซื้อสำหรับการสูญเสียกำไร การสูญเสียธุรกิจ หรือการหมดสิ้น
ค่าความนิยมในแต่ละกรณี ไม่ว่าจะเป็นทางตรง ทางอ้อม หรือที่เกิดขึ้นตามมา หรือการเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนใด ๆ
ก็ตามที่เกิดขึ้นตามมา (ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด) ซึ่งเกิดขึ้นจากหรือเชื่อมโยงกับสัญญา

12. การโอนสิทธิ

12.1 บริษัทอาจโอนสิทธิในสัญญาหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของสัญญาให้กับบุคคล องค์กร หรือบริษัทใดก็ได้

12.2 ผู้ซื้อจะไม่มีสิทธิ์ในการโอนสิทธิในสัญญาหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของสัญญา โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทเสียก่อน

13. เหตุสุดวิสัย

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเลื่อนวันที่นำส่งออกไปหรือยกเลิกสัญญาหรือลดปริมาณสินค้าที่ผู้ซื้อสั่งซื้อ (โดยไม่ต้องรับผิดต่อผู้ซื้อ) หากการดำเนินธุรกิจไม่สามารถทำได้หรือเกิดความล่าช้าอันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทตามสมควร ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเหตุสุดวิสัย การดำเนินการของภาครัฐ สงครามหรือเหตุเร่งด่วนระดับชาติ เหตุก่อการร้าย การประท้วง การจลาจล ความวุ่นวายในบ้านเมือง เหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย โรคระบาด การปิดงาน การนัดหยุดงาน หรือข้อพิพาทแรงงานอื่น ๆ (ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับพนักงานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ก็ตาม) หรือการจำกัดหรือความล่าช้าที่ส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการขนส่ง หรือความไม่สามารถหรือความล่าช้าในการทำให้ได้มาซึ่งวัสดุที่เหมาะสมและเพียงพอ ซึ่งหากเหตุการณ์ดังกล่าวดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเกินกว่าสามสิบวัน ผู้ซื้อก็จะมีสิทธิ์ส่งหนังสือแจ้งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้บริษัทยุติสัญญา

14. ทั่วไป

14.1 สิทธิหรือการเยียวยาแต่ละอย่างของบริษัทตามสัญญานี้ไม่เป็นการตัดสิทธิหรือการเยียวยาอื่นใดของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นไปตามสัญญานี้หรือไม่ก็ตาม

14.2 หากศาล ศาลยุติธรรม หรือหน่วยงานปกครองที่มีอำนาจตัดสินพบว่าข้อกำหนดใดในสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลใช้ได้ เป็นโมฆะ เป็นโมฆียะ บังคับใช้มิได้ หรือไม่สมเหตุสมผลทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ถือว่าข้อกำหนดในส่วนดังกล่าวสามารถแยกส่วนออกไปได้ตามขอบเขตความไม่ชอบด้วยกฎหมาย การไม่มีผลใช้ได้ ความเป็นโมฆะ ความเป็นโมฆียะ การบังคับใช้มิได้ หรือความไม่สมเหตุสมผลดังกล่าว และข้อกำหนดในส่วนที่เหลือจะยังคงมีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ต่อไป

14.3 เมื่อบริษัทไม่บังคับใช้ข้อกำหนดใด ๆ ในสัญญาหรือบังคับใช้เพียงบางส่วน หรือดำเนินการดังกล่าวล่าช้า ไม่ให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการสละสิทธิใด ๆ ของบริษัทตามสัญญานั้น

14.4 เมื่อบริษัทสละสิทธิ์ต่อการละเมิดหรือการผิดนัดใด ๆ ของผู้ซื้อตามข้อกำหนดในสัญญา ไม่ให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการสละสิทธิ์ต่อการละเมิดหรือการผิดนัดใด ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น และไม่ส่งผลกระทบต่อข้อกำหนดอื่น ๆ ของสัญญาแต่อย่างใด

14.5 ฝ่ายต่าง ๆ ในสัญญาไม่ได้ตั้งใจให้บุคคลใด ๆ ที่ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสัญญาบังคับใช้ข้อกำหนดในสัญญาโดยอาศัยความในพระราชบัญญัติสัญญา (สิทธิของบุคคลที่สาม) พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999)

14.6 บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่ผู้ซื้อมอบให้กับบริษัทตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ในการมอบสินค้าและ/หรือบริการที่เกี่ยวข้องใด ๆ แก่ผู้ซื้อ เพื่อรับการอ้างอิงเครดิตและการคุ้มครองเครดิตจากบุคคลที่สาม เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด เพื่อการปฏิบัติภาระหน้าที่ตามสัญญาของตนอย่างเหมาะสม และเพื่อการดำเนินการกิจกรรมอื่นใดของบริษัทในการประกอบธุรกิจตามปกติ ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ซื้อเป็นกิจการที่มีเจ้าของเพียงคนเดียว (Sole Trader) ซึ่งทำให้บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่รับผิดชอบในการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองให้กับบริษัท บุคคลดังกล่าวนั้นยินยอมอย่างชัดแจ้งในที่นี้ให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่อธิบายไว้ในที่นี้

15. ข้อกำหนดควบคุมการส่งออก

ในกรณีที่ผู้ซื้อส่งออกสินค้าในวันหลัง ผู้ซื้อจะมีหน้าที่รับผิดชอบใน
การปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎหมายควบคุมการส่งออกทั้งหมดที่มีผลบังคับใช้

16. สถานที่ปฏิบัติตามสัญญา เขตอำนาจศาล และกฎหมายที่มีผลบังคับใช้

16.1 สถานที่ปฏิบัติตามสัญญาคือจุดนำส่งหรือสถานที่ซึ่งมีการปฏิบัติตามสัญญา สถานที่ซึ่งมีการนำสินค้ามาจัดส่งเป็นสถานที่ปฏิบัติตามสัญญาสำหรับความรับผิดอื่น ๆ ทั้งหมดอันเกิดจากสัญญา

16.2 ข้อกำหนดเหล่านี้จะเป็นไปตาม อยู่ภายใต้การบังคับของ และตีความตามกฎหมายของประเทศอังกฤษและเวลส์ โดยยกเว้นอนุสัญญาว่าด้วยการขายของสหประชาชาติ (UN Sales Convention) ฝ่ายต่าง ๆ ในสัญญายินยอมในที่นี้ให้ศาลอังกฤษเป็นศาลเพียงหนึ่งเดียวที่มีอำนาจตัดสิน

ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป ปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) Hansgrohe UK สามารถดูข้อกำหนดและเงื่อนไขที่มีผลบังคับใช้เหนือกว่าได้ที่นี่

Authorised dealers

Locate showrooms of authorised dealers near you